วันนี้ มีโทรศัพย์ มาจากรัฐนิวยอร์ค อเมริกา เวลาเที่ยงวัน ก็เที่ยงคืนของเขา โดยประมาณ ว่า ฝึกใหม่ๆ ได้ 2 สัปดาห์ ละ ได้แต่นั่งภาวณา แล้ว จะทำอะไรต่อ ชักเบื่อ ทำไงดี
ธรรมดา คนฝึกกรรมฐานใหม่ๆ ไม่รู้จะถามใคร ก็เลยแน่ะนำ ให้นึกถึง สดือ ตัวเอง แล้วเรียกสดือว่า อะ ระ หัง นึกถึงรูปร่าง ขนาด สี ตำแหน่งตามทีหลวงพ่อเคยสอน ส่วน หลวงพ่อใหญ่ เคยสอนว่า ให้สุดลมหายใจเข้า และ ออก ช้าๆ ลึกสุดๆ 3 ครั้ง ก่อนนั่ง ผมเองก็ ลองทำตามมา 30 ปีละ ตั่งแต่
ปี พ. ศ. ๒๕๒๐ ท่านมาสอน กรรมฐานที่วัดทับคล้อ ครั้งแรก ที่ได้กราบท่าน ก็รู้สึกว่าดีครับ ทำให้
สมาธิ รวมตัวง่าย เมื่อ ฟุ้งซ่าน จิต คิดไปอืน ก็ ให้ ภาวณา ว่า อะ ระ หัง ให้เร็วๆขึ้น ถี่ขึ้น หรือ เรียก
สดือ ว่า อะระหัง นั่นเอง ขณะภาวณา อะระหังนั้น จิต เริ่มมีสมาธิ
พระองค์ ตรัสไว้ว่า จิต รวมตัวเป็น หนึ่ง ชื่อว่า สมาธิ
ฉนั้น เมื่อ จิตแนบแน่น กับองค์ ภาวณา อะ ระ หัง ไม่สัดส่าย ไปอื่น มีสมาธิแล้ว ให้น้อมนึกไปที่ กรรมฐาน ๕ คือ เกษา โลมา นะขา ทันตา ตะโจ เอาเป็นไทยๆดีกว่านึกเห็นรูปเลย และ นามมันคือ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เป็น อนุโลม พอคิดพิจาราณากลับ เป็น ปฎิโลม ว่า หนัง ฟัน เลบ ผม ขน
ซึ่งตามความจริง มันไม่งาม เมื่อมีอยู่ ไม่ดูแล มัน สกปรก ไม่รักษาสัก 1 เดือนดู มันจะเป็นอย่างไร
นึกดูเอา ตามจริงต้องเสื่อม คือเปลี่ยนแปลง แ ผมขน หงอก ขาว เล็บแตก ฉีก หัก ฟันหลุด หนังก็จะ
เหี่ยว ย่น มากขึ้นทุกที ใต้ผิวหนังที่ปิดอยู่ เปรียบคล้ายถุงพลาสติก เมื่อแตก ขาด เลือด เนื้อ เอน
และ นำเหลือง นำหนอง เครื่องใน ตับไต ใส้ พุง อาหารใหม่ เก่า ก็ใหลออกมาตามความเป็นจริง แล้ว
ห้ามได้ใหม เมื่อเกิดมาแล้ว ไม่ให้แก่ เจ็บ ตาย ก็ ใหนว่าของเราไง รักษาไว้อย่างดี ไง มันเป็นธรรมดา ธรรมชาติ ห้ามไม่ได้ครับ ไม่เกิดได้ ละดี เมื่อเกิด ก็มีเสื่อม และที่สุดคือมีดับครับ พระองค์
จึงสอนให้เรา รู้เห็น ตามความเป็นจริง เกิขึ้ ตั้งอยู่ ดับไปทนอยู่ไม่ได้ต้องเปลียนแปลงไปตามสภาวะ
ในที่สุ ก็ต้อง ดันไป ไม่สามารถหาอะไรมาบังคับมันได้ สิ่งหนึ่งสิ่งได มีความเกิดขึ้นเป็น ธรรมดา
สิ่งทั้งหลาย ทั้งปวง ย่อมมีความดับไปเป็นธรรมดา
ครับท่าน ลุงหมอ